บทความ
Blog Image
Price Action อ่านแท่งเทียนให้เป็นเงิน

วันที่: 2025-10-16 19:24

Price Action คือภาษาของกราฟที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้สื่อสารกับตลาด บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีอ่านแท่งเทียนให้เข้าใจจิตวิทยาราคา พร้อมเทคนิคจับจังหวะเข้า–ออกแบบไม่ต้องพึ่งอินดิเคเตอร์เคยรู้สึกไหมว่าในกราฟ Forex มีเส้นเยอะไปหมดจนสับสน? 😵‍💫 ถ้าคุณอยากเทรดแบบเรียบง่ายขึ้นแต่แม่นยำกว่าเดิม ลองหันมาใช้ “Price Action” สิคะ เพราะมันคือการอ่านพฤติกรรมราคาผ่านแท่งเทียน โดยไม่ต้องใช้ Indicator เยอะสิ่งที่นักเทรดระดับโลกใช้ไม่ใช่สูตรลับ แต่คือการมองกราฟให้เข้าใจว่า “ตอนนี้ตลาดกำลังคิดอะไร” และนั่นคือสิ่งที่ Price Action ช่วยคุณได้ 💡Price Action คืออะไร?Price Action หมายถึง การวิเคราะห์พฤติกรรมราคาโดยใช้แท่งเทียน (Candlestick) เพื่อเข้าใจแรงซื้อ–แรงขาย และคาดการณ์ทิศทางต่อไปของตลาด มันคือการอ่าน “ภาษาของราคา” โดยไม่ต้องพึ่งพาอินดิเคเตอร์ใด ๆ เลยแท่งเทียนแต่ละแท่งจะเล่าเรื่องราวในช่วงเวลานั้น เช่น ใครคุมเกม – ฝั่งซื้อ (Bull) หรือฝั่งขาย (Bear) ถ้าเข้าใจสิ่งนี้ คุณจะเริ่มเห็นโอกาสในการเข้าออกที่ชัดขึ้นโดยไม่ต้องวุ่นวายกับเส้นกราฟมากมายรูปแบบแท่งเทียนสำคัญที่ควรรู้Pin Bar (แท่งเข็ม) บอกว่าราคาปฏิเสธทิศทางนั้น ๆ และมีแนวโน้มกลับตัว 👉 หางยาว / ตัวแท่งเล็ก / อยู่ตรงแนวรับ–แนวต้านEngulfing (กลืนทั้งแท่ง) สัญญาณกลับตัวแรง แท่งใหม่กลืนแท่งเก่าทั้งหมด 👉 Bullish Engulfing = ขาขึ้น, Bearish Engulfing = ขาลงInside Bar (แท่งในกรอบ) ราคากำลังสะสมพลัง เตรียมเบรกออกไปทิศใดทิศหนึ่งDoji (แท่งลังเล) แสดงถึงภาวะสมดุลของแรงซื้อและแรงขาย — มักเกิดก่อนกราฟเปลี่ยนทิศเทคนิคใช้ Price Action ประกอบการเทรดจับจุดเข้าออกใกล้แนวรับ–แนวต้าน ดูแท่งเทียนกลับตัวบริเวณโซนสำคัญ เช่น Pin Bar ตรงแนวรับใช้ร่วมกับ Trend Line หรือ Fibonacci ถ้าเกิดแท่งกลับตัวตรงจุด Confluence เช่น แนวเทรนด์ + Fibo 61.8% → โอกาสสูงมากรอปิดแท่งก่อนตัดสินใจเข้าไม้ อย่าเดา อย่ารีบ ให้ดูการปิดแท่งก่อนเสมอ เพราะเป็นจุดยืนยันแรงของฝั่งใดฝั่งหนึ่งข้อดีของการเทรดด้วย Price Actionเข้าใจจิตวิทยาตลาดได้ชัดเจนขึ้น 🧠เทรดได้ทุกคู่ ทุก Timeframeไม่ต้องรออินดิเคเตอร์ล่าช้าพัฒนาเป็นระบบเทรดส่วนตัวได้ง่าย💬 Tip: ถ้าอยากเก่ง Price Action จริง ๆ ให้จดบันทึกแท่งเทียนที่ทำงานได้ดีในแต่ละวัน แล้วคุณจะเห็นพฤติกรรมตลาดซ้ำ ๆ เกิดขึ้นFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: ต้องเรียนกราฟขั้นสูงก่อนถึงจะใช้ Price Action ได้ไหม? A: ไม่จำเป็นเลยค่ะ มือใหม่ก็เริ่มได้ แค่เข้าใจแท่งเทียนพื้นฐานและแนวรับแนวต้านก็พอQ2: ใช้ Price Action อย่างเดียวพอไหม? A: ได้ค่ะ แต่ถ้าใช้ร่วมกับ Money Management และจิตวิทยาการเทรดจะยิ่งเสริมประสิทธิภาพQ3: ใช้ได้ทุกตลาดไหม? A: ใช้ได้ทั้ง Forex, ทองคำ, หุ้น และคริปโต เพราะหลักจิตวิทยาราคาคล้ายกันPrice Action คือการกลับไปสู่พื้นฐานของการเทรดอย่างแท้จริง เพียงอ่านแท่งเทียนให้เข้าใจ คุณจะเริ่มเห็นโอกาสที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในตลาด เริ่มฝึกจากกราฟจริงวันละ 10 นาที แล้วคุณจะรู้ว่า “การอ่านราคา” คือทักษะที่เปลี่ยนทุกการเทรดให้เป็นกำไรได้จริง 💰👉 ถ้าอยากฝึกอ่านแท่งเทียนให้แม่นแบบมืออาชีพ แนะนำคอร์ส “Price Action อ่านแท่งเทียนให้เป็นเงิน” และ “รู้ทางกราฟด้วยเทคนิค Price Action” จาก All Academy

Blog Image
Fibonacci ใช้ยังไงให้เจอจุดกลับตัวแม่น

วันที่: 2025-10-15 18:41

อยากรู้จุดกลับตัวของราคาแบบแม่น ๆ เหมือนโปร? ลองใช้เครื่องมือ Fibonacci! บทความนี้จะสอนตั้งแต่หลักการพื้นฐาน วิธีลากเส้น ไปจนถึงเทคนิควัดจุดเข้า–ออกในกราฟ Forex อย่างเข้าใจง่ายและใช้ได้จริงเคยไหม? กราฟกำลังขึ้นแรง ๆ แล้วอยู่ดี ๆ ก็กลับทิศลงเฉยเลย 😩 ถ้าคุณอยากรู้ว่าราคาจะกลับตัวที่ตรงไหน “Fibonacci Retracement” คือหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยคุณได้ดีที่สุดฟังชื่อดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้ว Fibonacci คือเครื่องมือวัดสัดส่วนที่เทรดเดอร์ทั่วโลกใช้มาหลายสิบปี ใช้งานง่าย และสามารถช่วยให้เราหาจุดพัก จุดกลับตัว และเป้าหมายของราคาได้อย่างแม่นยำFibonacci คืออะไร?Fibonacci มาจากชื่อของนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียนที่ค้นพบลำดับตัวเลข 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13...ที่สัดส่วนของตัวเลขแต่ละตัวสัมพันธ์กัน (เรียกว่า Golden Ratio หรือ 1.618)ในโลกของการเทรด Forex เรานำหลักการนี้มาใช้วัดระยะ “พักตัว” ของราคาในแนวโน้ม เพื่อคาดการณ์จุดกลับตัว (Retracement) หรือจุดไปต่อ (Extension)Retracement: ใช้หาจุดพัก / เด้งกลับก่อนราคาจะไปต่อExtension: ใช้หาจุดเป้าหมายกำไร (TP)วิธีใช้ Fibonacci แบบง่ายสำหรับมือใหม่เลือกเทรนด์ที่ชัดเจน หากเป็นขาขึ้น -> ลากจาก Low -> High หากเป็นขาลง -> ลากจาก High -> Lowโฟกัสระดับยอดนิยม ระดับที่ราคามักกลับตัวบ่อยคือ 38.2%, 50%, 61.8%สังเกตพฤติกรรมราคา ถ้าราคาลงมาถึงโซน 61.8% แล้วมีแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Pin Bar)  โอกาสเด้งสูงใช้คู่กับแนวรับ–แนวต้าน (S&R) ถ้า Fibonacci ซ้อนทับกับแนวรับพอดี = พลังกลับตัวแรงมาก!เทคนิค Fibonacci สำหรับเทรดเดอร์สายเทคนิคFibo + Trend Line: ใช้แนวโน้มช่วยยืนยันจุดพักตัวFibo + Price Action: สังเกตพฤติกรรมแท่งเทียนร่วมกับระดับ Fibo เพื่อเข้าไม้แม่นยำขึ้นFibo + Demand/Supply Zone: ถ้าระดับ Fibo อยู่ในโซน Demand หรือ Supply มักให้สัญญาณกลับตัวที่แรง💬 Tip: ยิ่งมีหลายปัจจัยมาซ้อนกัน (Confluence) เช่น Fibo + S&R + Candle Pattern โอกาสกลับตัวจะสูงมากตัวอย่างการเทรดจริง XAUUSDแนวโน้มหลักขาขึ้น -> ลาก Fibo จาก Low 2,320$ -> High 2,380$ราคาย่อลงมาที่ระดับ 61.8% (แถว ๆ 2,340$) พร้อมแท่ง Bullish Engulfing จุดเข้า Buyตั้ง TP ที่ระดับ Extension 1.618 (ประมาณ 2,400$)ผลลัพธ์: ได้จังหวะเข้าที่แม่นและ RR สูงกว่า 1:3 💰FAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: ต้องใช้ Fibonacci ทุกครั้งไหม? A: ไม่จำเป็น แต่ถ้าใช้ควบคู่กับแนวรับแนวต้าน จะช่วยให้วิเคราะห์แม่นยำขึ้นQ2: ทำไมบางครั้งราคาทะลุระดับ Fibo? A: เพราะไม่มีจุดยืนยันอื่น เช่น Candle หรือ Zone มาซ้อน ทำให้สัญญาณอ่อนQ3: ใช้ Fibo ใน Timeframe ไหนดีที่สุด? A: H1–H4 จะให้สัญญาณสมดุลที่สุด ไม่ไวเกินและไม่ช้าเกินFibonacci คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณรู้จังหวะพัก จังหวะไปต่อของราคาได้อย่างมีเหตุผล ไม่ต้องเดาอีกต่อไป ฝึกใช้ในกราฟจริงบ่อย ๆ แล้วคุณจะเริ่มมองเห็นจังหวะทองคำของตลาดเหมือนนักเทรดมืออาชีพ 🎯👉 ถ้าอยากฝึกใช้ Fibonacci ให้แม่นระดับโปร พร้อมเทคนิควัดจุดเข้าออกแบบ Confluence แนะนำคอร์ส “ลับคมจุดเข้าออก ด้วยการใช้ Fibonacci” และ “เทคนิค Fibo + Price Action Precision” จาก All Academy

Blog Image
Breakout ยังไงไม่ให้โดนหลอก

วันที่: 2025-10-14 20:49

เคยไหม? เห็นราคาทะลุแนวต้านก็รีบเข้าไม้ แล้วสุดท้ายราคากลับลงจนพอร์ตติดลบ…บทความนี้จะสอนเทคนิคดู Breakout ของจริง กับหลอก แบบเข้าใจง่าย พร้อมแนวทางวางแผนเทรดปลอดภัยสำหรับมือใหม่“ราคาทะลุแล้ว!”…นี่คือคำพูดที่ทำให้เทรดเดอร์หลายคนเผลอกดเข้าไม้แบบไม่คิด 💥แต่พอผ่านไปไม่กี่นาที กลับเจอสิ่งที่เรียกว่า “Fake Breakout” หรือการหลอกให้เข้า ก่อนราคาจะกลับทิศทางตรงข้าม 😭จริง ๆ แล้ว Breakout ไม่ได้ดูแค่ราคาทะลุเส้นแนวต้านหรือแนวรับเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจโครงสร้างตลาด จังหวะเวลา และแรงซื้อขายเบื้องหลังด้วยค่ะ วันนี้เรามาดูเทคนิคสังเกต Breakout ของจริง พร้อมวิธีรับมือเมื่อเจอกราฟหลอก!Breakout คืออะไร?Breakout คือการที่ราคาทะลุแนวรับ–แนวต้าน หรือกรอบราคาเดิมออกไป โดยทั่วไปจะบ่งบอกว่า “ตลาดเริ่มเปลี่ยนพลัง” เช่น จากช่วงพักตัวเข้าสู่แนวโน้มใหม่ถ้าราคาทะลุ แนวต้าน (Resistance)  บ่งบอกถึงแรงซื้อ (ขาขึ้น)ถ้าราคาทะลุ แนวรับ (Support) บ่งบอกถึงแรงขาย (ขาลง)แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ราคาทะลุจะไปต่อ บางครั้งกราฟแค่ “โดนหลอก” เพราะแรงรีบซื้อหรือรีบขายชั่วคราวก่อนราคากลับเข้ากรอบเดิมสัญญาณที่ช่วยแยก Breakout จริงออกจากของหลอกดูแท่งเทียนยืนยัน (Candle Confirmation) Breakout จริงมักมีแท่งเทียนยาว Body ใหญ่ ปิดเหนือแนวต้านหรือใต้แนวรับอย่างชัดเจนสังเกต Volume การซื้อขาย ถ้า Breakout มาพร้อมปริมาณ Volume สูง แสดงถึงแรงจริงจากฝั่งผู้เล่นรายใหญ่รอ Retest ก่อนเข้าไม้ ไม่ต้องรีบเข้า! ให้ราคากลับมาทดสอบเส้นที่เพิ่งทะลุ แล้วดูปฏิกิริยาว่าปฏิเสธหรือไม่จับคู่กับ Timeframe ใหญ่ ถ้า Breakout ในกราฟเล็ก แต่เทรนด์หลักยังสวนทาง อาจเป็นสัญญาณหลอกเทคนิคเทรด Breakout แบบปลอดภัยใช้ Pending Order หลัง Retest: วาง Buy Stop / Sell Stop หลังจุดยืนยัน ไม่ต้องรีบเข้าไม้แรกตั้ง Stop Loss ชัดเจน: กำหนดจุด SL ไว้ใต้แนวรับ (กรณี Buy) หรือเหนือแนวต้าน (กรณี Sell)วัด Risk:Reward Ratio: ใช้อัตราส่วนกำไรต่อความเสี่ยงอย่างน้อย 1:2 เพื่อไม่ให้พอร์ตเสียสมดุลอย่าไล่ราคา: ถ้าพลาดจังหวะแรก ให้รอจุดย่อใหม่ ไม่ต้องเข้าไม้กลางทางตัวอย่าง: การเทรดทองคำ (XAUUSD)ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบ 4,050$ – 4,150$ เมื่อทะลุแนว 4,150$ พร้อมแท่งเทียนยาวและ Volume สูง ถือเป็น Breakout จริง หลังจากนั้นราคากลับมาทดสอบแนว 4,150$ อีกครั้งและดีดขึ้นอย่างแข็งแรง จุดเข้า Buy สวยมาก!แนวรับสำคัญอยู่ที่ 4,100$ และแนวต้านถัดไปอยู่บริเวณ 4,180$ – 4,200$ หากราคายังยืนเหนือแนว 4,150$ ได้ มีโอกาสต่อยอดขึ้นทดสอบโซน 4,200$ อีกครั้ง แต่ถ้าหลุดแนว 4,100$ ควรระวังแรงขายที่อาจกลับลงมาทดสอบแนว 4,050$แนวโน้มรวมยังคงอยู่ในฝั่ง ขาขึ้น (Bullish Bias) จากแรงหนุนของการคาดการณ์ลดดอกเบี้ย และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า นักลงทุนยังคงถือทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยต่อเนื่องในช่วงนี้ค่ะFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: ทำไมบางที Breakout แล้วไม่ไปต่อ? A: เพราะเป็น Fake Breakout จากแรงรีบเข้าไม้ของรายย่อย หรือข่าวสั้น ๆ ชั่วคราวQ2: ควรเทรด Breakout ใน Timeframe ไหนดี? A: มือใหม่แนะนำ H1–H4 เพราะเห็นภาพชัดกว่าและไม่เจอ Fake บ่อยเหมือน M15 หรือต่ำกว่าQ3: ใช้เครื่องมือช่วยได้ไหม? A: ได้ เช่น Bollinger Bands หรือ RSI Divergence ช่วยยืนยันแรงของเทรนด์การเทรด Breakout ไม่ได้ยาก แต่ต้องมีวินัยและสังเกตตลาดให้ดี จำไว้ว่า “ของจริงไม่รีบ ของหลอกมักไว” อย่าเพิ่งกดเข้าไม้จนกว่าจะเห็นการยืนยันที่ชัดเจน ถ้าฝึกดูกราฟแบบใจเย็น คุณจะเริ่มแยกของจริงออกจากหลอกได้ในพริบตา 👀👉 ถ้าอยากเข้าใจจังหวะ Breakout อย่างลึกซึ้ง พร้อมเทคนิคคุมอารมณ์และวางแผนก่อนเข้าไม้ แนะนำคอร์ส “Breakout ยังไงไม่ให้โดนหลอก” จาก All Academy

Blog Image
Pending Order ตัวช่วยมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเวลาเฝ้ากราฟ

วันที่: 2025-10-12 21:48

Pending Order คือเครื่องมือที่ช่วยให้นักเทรดสามารถวางแผนเทรดล่วงหน้าได้ แม้ไม่มีเวลาเฝ้ากราฟ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนที่อยากเทรด Forex อย่างมีระบบและลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยากเทรด Forex แต่ไม่มีเวลานั่งเฝ้ากราฟทั้งวัน 😅ข่าวดีคือ...คุณไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าจอตลอดเวลาค่ะ เพราะมีเครื่องมือที่ชื่อว่า Pending Order ซึ่งช่วยให้คุณ “วางแผนล่วงหน้า” ได้อย่างมืออาชีพ และไม่พลาดจังหวะสำคัญในตลาดPending Order คืออะไร?Pending Order คือคำสั่งซื้อขายล่วงหน้าที่เรากำหนดไว้ในระบบ เพื่อให้แพลตฟอร์มเปิดออเดอร์ให้เราอัตโนมัติเมื่อราคามาถึงจุดที่ตั้งไว้ พูดง่าย ๆ คือ เราไม่ต้องกดเข้าเอง ระบบจะทำแทนเราทั้งหมด 👇ประเภทของ Pending OrderBuy Limit ตั้งซื้อเมื่อราคาย่อลงถึงจุดที่ต้องการ ใช้ตอนคิดว่าราคาจะ “รีบาวด์ขึ้น” หลังย่อลงมาแตะโซนสำคัญ 📍 ตัวอย่าง: ทองคำ 2350$ ตั้ง Buy Limit ที่ 2335$Sell Limit ตั้งขายเมื่อราคาวิ่งขึ้นถึงจุดที่ต้องการ ใช้ตอนคิดว่าราคาจะ “เด้งลง” หลังชนแนวต้าน 📍 ตัวอย่าง: XAUUSD 2380$ ตั้ง Sell Limit ที่ 2395$Buy Stop ตั้งซื้อเมื่อราคาวิ่งทะลุแนวต้านขึ้นไป ใช้ตอนคิดว่าราคาจะ “ไปต่อ” หลัง Breakout 📍 ตัวอย่าง: ทองคำ 2370$ ตั้ง Buy Stop ที่ 2375$Sell Stop ตั้งขายเมื่อราคาทะลุแนวรับลงไป ใช้ตอนคิดว่าราคาจะ “ร่วงต่อ” หลังหลุดโซนสำคัญ 📍 ตัวอย่าง: XAUUSD 2360$ ตั้ง Sell Stop ที่ 2355$ทำไม Pending Order ถึงเหมาะกับมนุษย์เงินเดือน?ไม่ต้องเฝ้ากราฟตลอดเวลา วางแผนตอนเช้า แล้วปล่อยให้ระบบทำงานระหว่างคุณทำงานประจำได้เลยลดอารมณ์จากการเทรด เพราะทุกคำสั่งถูกกำหนดล่วงหน้า ไม่ต้องกดเข้าออกตามความรู้สึกเทรดได้ตามแผนอย่างมีวินัย เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัด แต่ยังอยากมีระบบเทรดชัดเจนป้องกันการเข้าไม้มั่ว เมื่อวางแผนและตั้ง Pending Order ไว้ล่วงหน้า จะไม่โดนกราฟหลอกให้เข้าไม้ผิดจังหวะเคล็ดลับใช้ Pending Order อย่างปลอดภัยกำหนด Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) ทุกครั้งอย่าตั้งออเดอร์ไว้หลายจุดเกินไป เพราะอาจทำให้เสียการควบคุมทุนตรวจสอบข่าวเศรษฐกิจก่อนตั้งคำสั่ง เพราะข่าวแรงอาจทำให้กราฟพุ่งไวผิดคาดFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: มือใหม่ควรใช้ Pending Order แบบไหนดี? A: เริ่มจาก Buy Limit / Sell Limit เพราะเข้าใจง่าย และเหมาะกับการเทรดตามแนวรับ–แนวต้านQ2: ต้องเปิดเครื่องไว้ตลอดไหม? A: ไม่จำเป็น แค่ให้คำสั่งถูกบันทึกบนเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์ก็เพียงพอ ระบบจะทำงานอัตโนมัติQ3: ใช้ Pending Order แล้วจะขาดทุนไหม? A: มีโอกาสขาดทุนได้ แต่จะขาดทุนน้อยกว่าเพราะคุณมีแผนและ SL กำกับทุกครั้งPending Order คือเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์ที่มีเวลาน้อยสามารถเทรดได้อย่างมีวินัยและปลอดภัยขึ้น มันไม่ได้ช่วยให้คุณกำไรเร็วขึ้น แต่ช่วยให้คุณ “อยู่ในเกมได้อย่างเป็นระบบ” และลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์ได้จริง ✨👉 หากอยากเรียนรู้วิธีวางแผนเทรดและใช้ Pending Order คู่กับการวิเคราะห์แนวรับ–แนวต้านแบบมืออาชีพ แนะนำคอร์ส “เทรดไป ทำงานประจำไป” จาก All Academy ที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Blog Image
Lot Size คืออะไร? คำนวณยังไงให้เหมาะกับทุน

วันที่: 2025-10-10 16:52

 Lot Size คือขนาดสัญญาในการเทรด Forex ที่มีผลโดยตรงต่อกำไรและความเสี่ยงของคุณ บทความนี้จะอธิบายแบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างวิธีคำนวณ Lot Size ที่เหมาะกับทุนของมือใหม่หนึ่งในคำถามยอดฮิตของนักเทรดมือใหม่คือ “ควรเปิด Lot เท่าไหร่ดี?” 🤔 เพราะถ้าเปิดใหญ่เกินไปก็เสี่ยงล้างพอร์ต แต่ถ้าเปิดเล็กเกินไป กำไรก็แทบไม่ขยับเลย คำตอบอยู่ที่การเข้าใจ Lot Size ค่ะ ซึ่งเป็นพื้นฐานของ Money Management และ Risk Control ที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้ก่อนเริ่มเทรดจริงLot Size คืออะไร?Lot Size คือหน่วยวัดขนาดของสัญญาการซื้อขายในตลาด Forex ว่าคุณเปิดออเดอร์ด้วยมูลค่าเท่าไหร่ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกำไรและขาดทุนในแต่ละจุด (Pip)ประเภทของ Lotประเภทขนาดมูลค่าต่อ 1 Pip (โดยประมาณ)Standard Lot100,000 หน่วย10 USDMini Lot10,000 หน่วย1 USDMicro Lot1,000 หน่วย0.10 USDNano Lot100 หน่วย0.01 USDทำไม Lot Size ถึงสำคัญ?กำหนดระดับความเสี่ยงของแต่ละไม้ ถ้าเปิด Lot ใหญ่ ความเสี่ยงก็สูงขึ้นทันที เพราะมูลค่าต่อ Pip จะเพิ่มตามไปด้วยคุมอารมณ์และแผนเทรดได้ดีขึ้น เมื่อคำนวณ Lot ตามแผนที่วางไว้ คุณจะไม่รู้สึกกลัวหรือโลภเกินไปช่วยให้ Money Management ทำงานได้จริง การตั้ง SL และ Risk per Trade จะไม่มีความหมายเลย ถ้าเปิด Lot ไม่สัมพันธ์กับทุนวิธีคำนวณ Lot Size แบบง่ายสำหรับมือใหม่ใช้สูตรพื้นฐานนี้ได้เลย 👇 Lot Size = (ทุนทั้งหมด x % ความเสี่ยง) / (จำนวน Pip ที่ตั้ง SL x มูลค่า Pip ต่อ Lot)ตัวอย่าง: ทุน 1,000$ เสี่ยง 2% = 20$ ตั้ง SL 50 Pip มูลค่า Pip ต่อ 1 Lot = 10$➡️ Lot Size = (1,000 x 0.02) / (50 x 10) = 0.04 Lotแปลว่าถ้าคุณต้องการเสี่ยงแค่ 2% ต่อไม้ ให้เปิดเพียง 0.04 Lot เท่านั้นเคล็ดลับเลือก Lot ให้เหมาะกับทุนพอร์ตเล็ก (ต่ำกว่า 1,000$) ใช้ Micro Lot (0.01–0.05)พอร์ตกลาง (1,000–5,000$) ใช้ Mini Lot (0.1–0.3)พอร์ตใหญ่ (มากกว่า 10,000$) ปรับได้ตาม MM และสไตล์เทรด✨ อย่าลืมว่า “Lot ที่เหมาะสม” ไม่ใช่ Lot ที่กำไรเยอะ แต่คือ Lot ที่อยู่ในตลาดได้ยาวที่สุดFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: เปิด Lot ใหญ่จะได้กำไรมากขึ้นไหม? A: ใช่ แต่ก็ขาดทุนเร็วขึ้นด้วย ถ้าไม่มีแผน MM จะเสี่ยงล้างพอร์ตง่ายมากQ2: โปรแกรมคำนวณ Lot มีไหม? A: มีค่ะ สามารถใช้ Lot Size Calculator ใน MT4/MT5 หรือเว็บของโบรกเกอร์ได้เลยQ3: ต้องคำนวณ Lot ทุกครั้งก่อนเทรดไหม? A: ควรทำ โดยเฉพาะช่วงฝึกฝน เพื่อให้ชินกับการจัดการความเสี่ยงLot Size คือหัวใจของการควบคุมความเสี่ยงในตลาด Forex อย่าดูแค่จำนวนกำไรต่อไม้ แต่ให้มองว่าคุณสามารถเทรดได้อีกกี่ไม้โดยไม่หมดทุน เมื่อเข้าใจและคำนวณ Lot อย่างเหมาะสม พอร์ตของคุณจะอยู่รอดได้ในระยะยาวแน่นอน 💪👉 หากอยากฝึกคำนวณ Lot Size และจัดการทุนอย่างเป็นระบบ แนะนำคอร์ส “การคำนวน กำไร-ขาดทุน ด้วย LOT และ PIP ” จาก All Academy ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทั้ง Risk, Reward และ Money Management แบบครบวงจร

Blog Image
เทคนิคเลือกคู่เงิน Forex ที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ

วันที่: 2025-10-09 17:48

การเลือกคู่เงินที่เหมาะกับสไตล์เทรดของตัวเองคือก้าวแรกของการสร้างระบบเทรดที่มั่นคง บทความนี้จะพาคุณเข้าใจประเภทของคู่เงิน ลักษณะการเคลื่อนไหว และเทคนิคเลือกคู่เงินให้เข้ากับตัวคุณมากที่สุดเคยไหมคะ? เปิดกราฟทุกคู่เงินแต่ไม่รู้จะเทรดคู่ไหนดี 😅 บางคู่วิ่งเร็ว บางคู่นิ่งจนหลับ แต่ละคู่เงินมี “นิสัย” แตกต่างกันไป การเข้าใจลักษณะของมันจึงสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณเลือกคู่เงินที่เข้ากับตัวเองได้ ไม่ต้องฝืนเทรดในสไตล์ที่ไม่เหมาะประเภทของคู่เงินในตลาด ForexMajor Pairs (คู่เงินหลัก) เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, USD/CHF ✅ สภาพคล่องสูง, สเปรดต่ำ, เหมาะกับมือใหม่ คำเตือน: แต่เคลื่อนไหวไว ต้องมีวินัยในการตั้ง Stop LossMinor Pairs (คู่เงินรอง) เช่น EUR/GBP, AUD/NZD, EUR/JPY ✅ มีโอกาสวิ่งตามเทรนด์ยาว  คำเตือน: สเปรดอาจสูงกว่า และบางช่วงกราฟนิ่งExotic Pairs (คู่เงินแปลก) เช่น USD/THB, USD/SGD, EUR/TRY ✅ เคลื่อนไหวแรง เหมาะกับสายชอบความท้าทาย  คำเตือน: เสี่ยงสูงและสเปรดกว้างมาก ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่วิธีเลือกคู่เงินให้เหมาะกับสไตล์การเทรด1. สาย Scalping (เทรดสั้น ทำกำไรไว)เลือกคู่เงินที่สเปรดต่ำและเคลื่อนไหวไว เช่น EUR/USD, GBP/USD, XAU/USD เน้นจังหวะเข้าเร็วออกเร็ว และต้องคุมอารมณ์ให้ดี2. สาย Day Trade (เทรดรายวัน)เลือกคู่ที่มีแนวโน้มชัด เช่น USD/JPY, GBP/JPY สามารถเข้าออกภายในวันเดียวได้ตามสัญญาณ Price Action3. สาย Swing Trade (ถือข้ามวัน)เหมาะกับคู่ที่เคลื่อนที่ตามเทรนด์ยาว เช่น EUR/AUD, GBP/CHF, XAU/USD ต้องวางแผน MM ดีและมี Stop Loss ที่เหมาะสม4. สาย News Trader (เทรดตามข่าว)เลือกคู่เงินที่ตอบสนองต่อข่าวแรง เช่น GBP/USD, XAU/USD, USD/CAD ติดตามข่าวสำคัญ เช่น NFP, CPI, FOMC เพื่อหาจังหวะเข้าออกเคล็ดลับเล็ก ๆ สำหรับมือใหม่เริ่มจากคู่เดียวก่อน เช่น EUR/USD หรือ XAU/USD เพื่อศึกษาพฤติกรรมให้เข้าใจลึกอย่าเปลี่ยนคู่บ่อย เพราะแต่ละคู่มีจังหวะไม่เหมือนกันสังเกตช่วงเวลาที่กราฟเคลื่อนไหว เช่น London Session หรือ New York SessionFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: คู่เงินไหนเหมาะกับมือใหม่มากที่สุด? A: EUR/USD เพราะสภาพคล่องสูงและข้อมูลข่าวสารเยอะ เข้าใจง่ายQ2: คู่เงินทอง (XAUUSD) เหมาะกับทุกคนไหม? A: เหมาะกับคนที่ชอบการเคลื่อนไหวแรง แต่ต้องวางแผน MM ดี เพราะผันผวนสูงQ3: ต้องเทรดหลายคู่ไหมถึงจะได้กำไร? A: ไม่จำเป็น เทรดแค่คู่ที่เข้าใจดีที่สุดพอก็สามารถสร้างกำไรได้การเลือกคู่เงินให้เหมาะกับตัวเอง คือการเลือกสนามรบที่คุณถนัด 💪 อย่าพยายามเทรดทุกคู่ แต่ให้เลือกคู่ที่คุณเข้าใจพฤติกรรมมันที่สุด แล้วสร้างระบบเทรดให้เหมาะกับสไตล์นั้น👉 ถ้าอยากเรียนรู้ลึกกว่านี้ว่า “แต่ละคู่เงินมีพฤติกรรมยังไง และใช้กลยุทธ์ไหนถึงจะได้เปรียบ” แนะนำคอร์ส “คู่เงินทองคำและการวิเคราะห์โครงสร้างตลาด” จาก All Academy ที่จะสอนตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการอ่านกราฟแบบมืออาชีพ

Blog Image
วิธีบันทึก Trading Journal สำหรับมือใหม่

วันที่: 2025-10-07 14:30

Trading Journal คือสมุดบันทึกการเทรดที่ช่วยให้คุณรู้จุดแข็ง จุดอ่อน และพัฒนาได้เร็วขึ้น บทความนี้จะสอนวิธีจด Journal อย่างมีระบบ เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่ที่อยากเทรดให้ดีขึ้นทุกวันเคยไหมคะ? เทรดไปหลายไม้แต่จำไม่ได้ว่าทำไมเข้า หรือทำไมแพ้ 🤔ถ้าใช่...แปลว่าคุณยังไม่มี Trading Journal ซึ่งจริง ๆ แล้วนี่คือเครื่องมือที่เทรดเดอร์มืออาชีพทุกคนใช้ เพราะมันช่วยให้คุณเห็นพฤติกรรมตัวเองชัดขึ้น และแก้จุดผิดได้เร็วขึ้นมาก 💡ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีบันทึก Trading Journal แบบเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง โดยไม่ต้องเขียนยาวให้ยุ่งยากTrading Journal คืออะไร?Trading Journal คือ สมุดบันทึกการเทรดของคุณเอง ใช้สำหรับเก็บข้อมูลทุกออเดอร์ที่เปิด ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน เพื่อช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการเทรดและปรับปรุงกลยุทธ์ให้ดีขึ้นข้อมูลที่ควรมีใน Journal:วันที่ / เวลาเปิด–ปิดออเดอร์คู่เงิน (เช่น XAUUSD, EURUSD)จุดเข้า (Entry) และจุดออก (Exit)Stop Loss / Take Profitเหตุผลในการเข้าเทรดผลลัพธ์ (กำไรหรือขาดทุน)บันทึกอารมณ์ / ความรู้สึกตอนเทรดทำไมต้องมี Trading Journal?รู้จุดแข็ง–จุดอ่อนของตัวเอง คุณจะเห็นชัดว่ากลยุทธ์ไหนเวิร์ก และแบบไหนพังบ่อยช่วยควบคุมอารมณ์ พอเห็นข้อมูลจริง คุณจะไม่หลอกตัวเองว่าพอร์ตพังเพราะดวงไม่ดีวัดผลได้จริง ทำให้เห็นว่า Winrate ของคุณเป็นเท่าไหร่ ค่าเฉลี่ยกำไรต่อไม้เป็นยังไงวิธีบันทึก Trading Journal แบบมืออาชีพ1. ใช้ตาราง Excel หรือ Google Sheetsจัดช่องง่าย ๆ เช่น วันที่, คู่เงิน, จุดเข้า–ออก, SL/TP, ผลลัพธ์, หมายเหตุ อย่าลืมใส่ % ความเสี่ยงและผลตอบแทน (R:R) ด้วย2. เขียนเหตุผลก่อนกดเข้าออเดอร์ถามตัวเองว่า “เข้าเพราะแผน หรือเพราะอยากเข้า?” จดไว้ทุกครั้ง เพื่อเช็กว่าคุณเทรดตามระบบหรือใช้อารมณ์3. สรุปทุกสัปดาห์ / เดือนดูว่าใน 10 ไม้ที่ผ่านมา ชนะกี่ครั้ง แพ้เพราะอะไร แล้วปรับแผนในรอบถัดไปตัวอย่างการบันทึกFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: ต้องจดทุกไม้ไหม? A: ควรจดทุกไม้ โดยเฉพาะไม้ที่ผิดพลาด เพราะนั่นคือข้อมูลสำคัญที่สุดQ2: ใช้แอปอะไรบันทึกได้บ้าง? A: ใช้ได้ทั้ง Excel, Google Sheets หรือแอปเทรดเดอร์อย่าง Edgewonk, TraderSync ก็สะดวกQ3: ถ้าเทรดไม่บ่อย ต้องจดไหม? A: ยิ่งต้องจด เพราะคุณจะเห็นว่าช่วงไหนมีวินัยและช่วงไหนขาดโฟกัสTrading Journal คือกระจกสะท้อนพฤติกรรมของเทรดเดอร์ มันไม่ใช่แค่สมุดจด แต่คือ “คู่มือพัฒนา” ที่ทำให้คุณเทรดดีขึ้นทุกเดือน จำไว้ว่า คนที่จดอย่างมีระบบ จะเห็นผลลัพธ์ชัดกว่าคนที่เทรดไปวัน ๆ เสมอ 💪👉 หากอยากเรียนรู้วิธีสร้าง Trading Journal แบบมีระบบ พร้อมเทคนิควิเคราะห์ผลการเทรด แนะนำคอร์ส “ Basic Forex เทรดเดอร์มือใหม่ เริ่มยังไงให้ไม่ล้ม ” ที่ All Academy ได้เลย!

Blog Image
Risk:Reward คืออะไร? ทำไมต้องรู้ก่อนเทรดจริง

วันที่: 2025-10-06 20:57

Risk:Reward Ratio คือหลักการคำนวณผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่เทรดเดอร์มืออาชีพทุกคนใช้ บทความนี้จะอธิบายให้เข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างการคำนวณจริงสำหรับมือใหม่ในตลาด Forexเวลาที่คุณเทรด Forex เคยคิดไหมว่า “ไม้ที่เราเข้า คุ้มเสี่ยงหรือเปล่า?” หลายคนเน้นหาจุดเข้าอย่างเดียว แต่ไม่เคยมองว่า ถ้าผิดทางจะเสียเท่าไหร่ และถ้าถูกทางจะได้เท่าไหร่นั่นแหละคือหัวใจของ Risk:Reward Ratio (R:R) 💡ถ้าคุณอยากเทรดแบบมืออาชีพ ต้องเข้าใจแนวคิดนี้ให้ดี เพราะมันคือพื้นฐานที่บอกว่า “จังหวะที่คุณเข้า คุ้มค่าพอจะเสี่ยงไหม”Risk:Reward คืออะไร?Risk:Reward Ratio (RR หรือ R:R) คือ อัตราส่วนระหว่างความเสี่ยงที่คุณยอมขาดทุนต่อไม้ กับผลตอบแทนที่คุณคาดว่าจะได้หากเทรดถูกทางสูตรคำนวณง่าย ๆR:R = (ระยะ Take Profit) ÷ (ระยะ Stop Loss)ตัวอย่างตั้ง SL ห่าง 50 จุด, TP ห่าง 100 จุด ->R:R = 100 ÷ 50 = 1:2 หมายถึง ถ้าคุณแพ้ 1 ครั้ง แต่ชนะครั้งเดียว ก็ยังบวกได้ ✅ทำไม Risk:Reward ถึงสำคัญ?คุมความเสี่ยงได้แม้ไม่ชนะทุกครั้ง – ถ้าคุณตั้ง R:R 1:2 และมี Winrate แค่ 50% คุณก็ยังมีกำไรช่วยวางแผนเทรดได้เป็นระบบ – ก่อนเข้าไม้ คุณจะรู้เลยว่าควรตั้ง TP/SL ยังไงให้คุ้มเสี่ยงลดการเทรดตามอารมณ์ – เมื่อมี R:R ที่แน่นอน จะไม่ปิดไวเพราะกลัว และไม่ถือยาวเพราะโลภวิธีใช้ Risk:Reward ในการเทรดจริงก่อนเข้าออเดอร์ ให้คำนวณว่า “เสี่ยงเท่าไหร่ เพื่อได้เท่าไหร่”อย่าตั้ง TP/SL ตามใจ แต่ใช้โครงสร้างตลาดช่วย เช่น แนวรับ–แนวต้านควรตั้ง R:R อย่างน้อย 1:2 ขึ้นไป ถ้าได้ 1:3 ยิ่งดี (เสี่ยง 1 ส่วน เพื่อหวังได้ 3 ส่วน)ตัวอย่างการวางแผนทุน 1,000$ เสี่ยง 1% = 10$SL 50 จุด -> TP 100 จุด (R:R = 1:2)ถ้าแพ้ 3 ไม้ ชนะ 2 ไม้ ยังบวกได้รวม +10$FAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: R:R เท่าไหร่ถึงจะดี?A: อย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3 สำหรับสาย Swing แต่ถ้า Scalping อาจใช้ 1:1.5 ก็ได้Q2: ตั้ง R:R ไว้ดีแต่ชนะน้อยครั้ง ควรทำยังไง?A: ปรับกลยุทธ์หาจุดเข้าให้แม่นขึ้น แต่อย่าลด R:R จนไม่คุ้มเสี่ยงQ3: ต้องใช้ R:R กับทุกไม้ไหม?A: ควรใช้ทุกครั้ง เพื่อให้พอร์ตคุณมีความสม่ำเสมอและคำนวณผลลัพธ์ได้การเข้าใจ Risk:Reward คือรากฐานของการเทรดอย่างมีระบบ คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกไม้ แค่ให้กำไรเฉลี่ยต่อไม้มากกว่าขาดทุนเฉลี่ยต่อไม้ พอร์ตก็เติบโตได้แล้ว 💪จำไว้ว่า… การวิเคราะห์แม่นไม่สำคัญเท่าการวางแผนให้คุ้มเสี่ยงก่อนเข้าเทรด👉 หากอยากเรียนรู้การตั้ง Risk:Reward คู่กับ Money Management อย่างละเอียด แนะนำคอร์ส “ การคำนวณ กำไร-ขาดทุน ด้วย Lot และ Pip ” ที่ All Academy สอนโดยผู้เชี่ยวชาญที่เทรดจริงทุกวัน

Blog Image
Money Management ทำไมต้องมาก่อนกำไร

วันที่: 2025-10-05 19:46

Money Management คือหัวใจของการเทรด Forex ที่มือใหม่มักมองข้าม หากคุณอยากอยู่รอดและพอร์ตไม่พัง ต้องเข้าใจวิธีจัดการความเสี่ยงและขนาดการเทรด (Lot size) อย่างถูกต้อง บทความนี้มีคำตอบครบนักเทรดมือใหม่ส่วนใหญ่มักโฟกัสไปที่ “กำไร” มากกว่าการจัดการเงินทุน แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้คนพอร์ตพังคือการ ไม่รู้จักใช้ Money Management (MM) 😅การวิเคราะห์กราฟอาจทำให้คุณรู้จังหวะเข้าออก แต่ MM คือกุญแจที่ทำให้คุณอยู่รอดในตลาด Forex ต่อให้ชนะไม่กี่ครั้งแต่เสี่ยงถูกต้อง พอร์ตก็ยังเติบโตได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก MM อย่างละเอียด พร้อมวิธีประยุกต์ใช้จริงMoney Management คืออะไร?Money Management (MM) คือการจัดการเงินทุนและความเสี่ยงในการเทรด Forex เพื่อให้พอร์ตอยู่ในสภาพที่ยั่งยืน ไม่หมดเร็ว และเติบโตตามแผนที่วางไว้องค์ประกอบหลักของ MM:Risk per trade: กำหนดความเสี่ยงต่อไม้ เช่น 1–2% ของทุนLot size: คำนวณขนาดการเปิดออเดอร์ให้เหมาะกับทุนและ Stop LossRisk:Reward Ratio: สร้างสมดุลระหว่างโอกาสแพ้กับชนะทำไม MM ถึงสำคัญกว่ากำไร?กำไรไม่แน่นอน แต่ความเสี่ยงควบคุมได้ – คุณไม่มีทางรู้ว่ากราฟจะไปทางไหน แต่คุณกำหนดได้ว่าจะยอมเสียกี่ % ต่อครั้งอยู่รอดในเกมยาวนานขึ้น – คนที่หมดพอร์ตไม่ใช่เพราะแพ้บ่อย แต่เพราะเสี่ยงหนักครั้งเดียวทำให้มีวินัยและจิตใจนิ่ง – เมื่อคุณรู้ว่าความเสี่ยงถูกควบคุม จะไม่โลภหรือกลัวเกินไปหลักการ MM เบื้องต้นสำหรับมือใหม่เสี่ยงไม่เกิน 1–2% ของพอร์ตต่อการเทรดหนึ่งครั้งใช้ Risk:Reward อย่างน้อย 1:2 → ถ้าแพ้ 2 ครั้ง ชนะครั้งเดียวก็ยังบวกคำนวณ Lot Size ตามระยะ Stop Lossตัวอย่าง: พอร์ต 1,000$ เสี่ยง 1% = 10$ ต่อไม้ หากตั้ง SL ห่าง 50 จุด ต้องเปิด Lot ขนาดที่เมื่อ SL โดนแล้ว ขาดทุนไม่เกิน 10$FAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: ทำไมบางคนชนะหลายครั้งแต่พอร์ตติดลบ? A: เพราะไม่มี MM การเสี่ยงมากเกินไปในบางไม้ทำให้ขาดทุนหนักจนกำไรหายหมดQ2: MM ใช้กับสไตล์เทรดไหนได้บ้าง? A: ใช้ได้ทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น Day trade, Swing หรือ ScalpingQ3: MM ทำให้รวยช้าลงไหม? A: อาจดูช้า แต่ปลอดภัยและยั่งยืนกว่าการได้กำไรเร็วแล้วพอร์ตล้างMoney Management คือรากฐานที่นักเทรดทุกคนต้องมี หากคุณอยากให้อยู่ในตลาด Forex ได้ยาว ๆ กำไรจะไม่มีค่าเลย ถ้าคุณไม่รู้วิธีปกป้องทุน ดังนั้นจงเริ่มจากการคุมความเสี่ยงก่อนเสมอ👉 หากอยากฝึกใช้ Money Management แบบเจาะลึก แนะนำคอร์ส “ Money Manament อาจารย์โต้ ” ของ All Academy ที่สอนครบทั้งการจัดการทุน การตั้ง Stop Loss และการวางกลยุทธ์ให้พอร์ตเติบโตอย่างมั่นคง

Blog Image
Stop Loss คืออะไร สำคัญยังไงสำหรับมือใหม่

วันที่: 2025-10-04 20:48

Stop Loss คืออะไร สำคัญยังไงสำหรับมือใหม่มือใหม่หลายคนไม่กล้าตั้ง Stop Loss เพราะคิดว่าเป็นตัวขวางกำไร แต่จริง ๆ แล้วมันคือเครื่องมือที่ช่วยรักษาทุน และทำให้คุณอยู่ในตลาดได้นานขึ้น มาทำความเข้าใจง่าย ๆ ไปพร้อมกันตอนที่เพิ่งเริ่มเทรด Forex คุณอาจเคยคิดว่า “ไม่ตั้ง Stop Loss ดีกว่า เดี๋ยวกราฟก็กลับมา” สุดท้ายพอร์ตติดลบยาวจนถอนใจไม่ขึ้น 😅แต่ความจริงแล้ว Stop Loss (SL) คือเกราะป้องกัน ไม่ใช่กับดัก มันเหมือนรั้วที่ช่วยกันไม่ให้คุณตกหน้าผา ยอมเสียเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสียทั้งหมด วันนี้เรามาเจาะลึกกันว่า SL สำคัญยังไง และตั้งยังไงให้เหมาะสำหรับมือใหม่Stop Loss คืออะไร?Stop Loss หรือ SL คือคำสั่งที่นักเทรดใช้ในการปิดออเดอร์อัตโนมัติ หากราคาวิ่งสวนเกินกว่าที่เรายอมขาดทุนได้ เปรียบเหมือน “จุดตัดใจ” ที่ทำให้คุณเสียเท่าที่วางแผนไว้ ไม่เกินนั้นตัวอย่าง: ซื้อทองคำที่ 3850$ ตั้ง SL ที่ 3840$ หมายถึงคุณยอมเสีย 10$ ต่อออเดอร์ หากราคาตกถึงระดับนั้น ระบบจะปิดอัตโนมัติ  ประโยชน์ของ SLจำกัดการขาดทุน ไม่ให้ลามจนพอร์ตพังลดความเครียด ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลาบังคับให้คุณมีวินัยตามแผนที่วางไว้ทำไมมือใหม่ต้องใช้ Stop Loss?ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน – ไม่มีใครทายถูกทุกครั้ง SL คือแผนสำรองเมื่อคุณพลาดช่วยจัดการอารมณ์ – การไม่ตั้ง SL ทำให้คุณเสี่ยงปล่อยออเดอร์ลบยาวเพราะไม่อยากยอมแพ้เป็นกุญแจสู่การอยู่รอด – เป้าหมายแรกของมือใหม่ไม่ใช่การชนะทุกครั้ง แต่คือการไม่หมดพอร์ตวิธีตั้ง Stop Loss เบื้องต้นตั้ง SL ไว้ในจุดที่ “โครงสร้างตลาดเปลี่ยน” เช่น ใต้แนวรับสำคัญหรือเหนือแนวต้านอย่าตั้งใกล้เกินไปจนกราฟสะบัดนิดเดียวก็โดนกินกำหนดความเสี่ยงต่อไม้ไม่เกิน 1–2% ของทุนทั้งหมดFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: ตั้ง SL แล้วโดนกินตลอด ต้องทำยังไง? A: ปรับจุดเข้าและการวาง SL ให้อยู่ตามโครงสร้างตลาด ไม่ใช่ตามความรู้สึกQ2: ถ้าไม่ตั้ง SL แต่จะนั่งเฝ้ากราฟแทนได้ไหม? A: ทำได้ แต่เสี่ยงใช้ “อารมณ์” ตัดสินใจมากเกินไป และไม่ยั่งยืนQ3: การตั้ง SL ทำให้เสียโอกาสกำไรไหม? A: SL มีไว้ปกป้องทุน กำไรจะยังมีให้เก็บเรื่อย ๆ ตราบใดที่คุณยังอยู่ในเกมStop Loss ไม่ได้ทำให้คุณแพ้ แต่มันช่วยให้คุณแพ้อย่างมีระบบและอยู่รอดเพื่อรอจังหวะใหม่ จำไว้ว่า กำไรจะไม่มีค่าเลย ถ้าคุณไม่รู้วิธีปกป้องทุน👉👉 ถ้าอยากรู้วิธีจับคู่ Stop Loss ให้เข้ากับ Money Management แบบมืออาชีพ แนะนำคอร์ส “Basic Forex เทรดเดอร์มือใหม่ เริ่มยังไงให้ไม่ล้ม” ของ All Academy เลยค่ะ 📝 ในคอร์สนี้คุณจะได้เรียนรู้ครบทั้งการตั้ง SL, การจัดการทุน, และการวางแผนการเทรดแบบเป็นระบบ

Blog Image
การวางแผนเทรด Forex สำหรับมือใหม่ – เริ่มยังไงให้รอดก่อนรวย

วันที่: 2025-10-04 20:42

มือใหม่อยากเทรด Forex แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? มาดูวิธีวางแผนเทรดง่าย ๆ แบบเพื่อนสอนเพื่อน เข้าใจเร็ว ใช้ได้จริง พร้อมตัวอย่างสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่อยากเริ่มแบบไม่เจ็บตัวคุณเคยเป็นแบบนี้ไหม? กดเข้าออเดอร์เพราะเห็นกราฟวิ่งแรง ๆ แต่ไม่รู้จะออกตรงไหน สุดท้ายพอร์ตติดลบจนเครียดทั้งวัน… จริง ๆ แล้วสิ่งที่คุณขาดอาจไม่ใช่ความรู้เพิ่ม แต่คือการวางแผนก่อนเทรดต่างหากในตลาด Forex คนที่อยู่รอดได้ ไม่ใช่คนที่เดาเก่ง แต่คือคนที่เตรียมตัวเก่งและมีระบบที่ชัดเจน บทความนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีการวางแผนเทรด Forex แบบง่าย ๆ ที่คุณทำตามได้ตั้งแต่วันนี้ทำไมการวางแผนเทรดถึงสำคัญ?ลองคิดดูสิ…ถ้าคุณออกเดินทางไปต่างจังหวัดโดยไม่เปิด Google Maps โอกาสหลงมีแค่ไหน? 🚗💨 การเทรดก็เหมือนกัน ถ้าเข้าไปแบบไม่มีแผน โอกาสที่จะเสียมากกว่าได้สูงมากแผนการเทรดช่วยให้คุณ:กำหนดจุดเข้า–ออกชัดเจนคุมความเสี่ยงได้แยกอารมณ์ออกจากการตัดสินใจ3 ส่วนสำคัญของแผนเทรด1. จุดเข้า–ออก (Entry & Exit)การกำหนดจุดเข้าช่วยให้คุณไม่ไล่ตามราคา เช่น วางแผนว่าถ้าทองคำ (XAUUSD) ย่อลงถึง 3850$ จะซื้อ และตั้ง Take Profit ที่ 3890$ (all time high)2. Stop Loss (SL)SL คือเกราะกันพอร์ตพัง อย่ากลัวที่จะตั้ง เพราะมันคือเครื่องมือให้คุณอยู่ในเกมได้นานขึ้น3. Money Managementจัดการทุนด้วยการเสี่ยงไม่เกิน 1–2% ของพอร์ตในแต่ละไม้ เช่น พอร์ต 10,000$ ความเสี่ยงต่อครั้งควรอยู่แค่ 100–200$ เท่านั้นตัวอย่างสำหรับมนุษย์เงินเดือนใครที่ไม่มีเวลานั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวัน สามารถใช้แผนนี้ได้เลย:เลือกคู่เงินหลัก ๆ เช่น EURUSD หรือทองคำตั้ง Pending Order ไว้ตอนเช้า แล้วไปทำงานเลิกงานค่อยกลับมาเช็กผล + จดบันทึกลง Trading JournalFAQ (คำถามพบบ่อย)Q1: มือใหม่ควรเริ่มด้วยทุนเท่าไหร่? A: เริ่มเล็ก ๆ เช่น 100–200$ เพื่อฝึกวางแผนก่อน อย่าเพิ่งใช้เงินก้อนใหญ่Q2: ถ้าแพ้ติดกันหลายไม้ควรทำยังไง? A: หยุดเทรด 1–2 วัน ทบทวน Trading Journal แล้วค่อยกลับมาใหม่Q3: การมีแผนช่วยให้ชนะทุกครั้งไหม? A: ไม่ค่ะ แต่ช่วยให้คุณแพ้อย่างควบคุมได้ และอยู่ในตลาดจนชนะได้จริงการวางแผนเทรด คือก้าวแรกที่จะทำให้คุณอยู่รอดในตลาด Forex มันไม่ใช่สูตรลับซับซ้อน แต่คือการเตรียมตัวก่อนกดเข้าออเดอร์เริ่มวันนี้ด้วยการเขียนแผนเทรดสั้น ๆ ลงกระดาษ แล้วทำตามต่อเนื่อง คุณจะเห็นความต่างทันทีว่าการเทรดมันง่ายขึ้น ✨👉 อยากเข้าใจการตั้ง Stop Loss และการใช้ Money Management แบบเป็นระบบ? แนะนำคอร์ส “Basic Forex เทรดเดอร์มือใหม่ เริ่มยังไง ไม่ให้ล้ม” ที่ All Academy เลยค่ะ 🚀